Search

ภารกิจของรัฐกับการบริการสาธารณะ

เมื่อมน...

  • Share this:

ภารกิจของรัฐกับการบริการสาธารณะ

เมื่อมนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคมและอยู่ภายใต้การปกครอง มีอำนาจรัฐเกิดขึ้นมนุษย์ทุกคนจะยินยอมมาอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน จะต้องยินยอมสูญเสียความเป็นส่วนตัว มีหน้าที่เพิ่มขึ้นและต้องยินยอมอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ระเบียบของสังคมเพื่อให้สังคมส่วนรวมอยู่ได้อย่างสงบสุข และที่สำคัญมนุษย์ทุกคนได้มอบอำนาจการปกครองให้กับรัฐ โดยมีสัญญาประชาคมว่ารัฐจะต้องใช้อำนาจที่สมาชิกทุกคนมอบให้ เพื่อที่จะทำให้สมาชิกทุกคนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยสมาชิกทุกคนในสังคมมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด ต้องเสียภาษี ในขณะเดียวกันรัฐต้องดำเนินตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานให้สมาชิกทุกคนในสังคมอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกันซึ่งรัฐต้องมีมาตรการ ดังต่อไปนี้

1.มาตรการของรัฐในการดำเนินการให้เป็นไปตามภารกิจ

ในปัจจุบันรัฐสมัยใหม่ (Modern of State) มีมาตรการของรัฐในการดำเนินการให้เป็นไปตามภารกิจในการบริการสาธารณะได้ 2 กรณี คือ มาตรการทางสังคมและมาตรการทางกฎหมาย ที่เป็นภารกิจของรัฐเพื่อให้เกิดผลที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
1.1 มาตรการของรัฐทางสังคม
มาตรการของรัฐทางสังคม นั้นพิจารณาในแง่ความมุ่งหมายของการกระทำของรัฐ รัฐได้กระทำการต่างๆ เพื่อให้บังเกิดผลที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยพิจารณามุ่งหมาย เพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะที่ทำให้ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินรวมทั้งทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
1.2 มาตรการของรัฐทางกฎหมาย
มาตรการของรัฐทางกฎหมาย จะพิจารณาการกระทำของรัฐในฐานะที่เป็นมาตรการเพื่อให้บรรลุความมุ่งหมายที่กำหนดไว้ คือ ต้องมีมาตรการคือ 1) ตรากฎหมาย 2) บังคับใช้กฎหมายที่ตราขึ้น 3) วินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามกฎหมายซึ่งการใช้กฎหมายจึงเป็นวิธีการหรือมาตรการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

ดังนั้น เครื่องมือของรัฐในการดำเนินการให้เป็นไปตามภารกิจในการบริการสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความมั่นคงของประเทศ การรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ การรักษาความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดีของประชาชน รัฐทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไม่ถูกรุกรานโดยต่างชาติ รัฐทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ รัฐทำทุกอย่างเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะมั่นคง ทั้งหมดนี้ คือมาตรการทางสังคม แต่การบรรลุภารกิจอันนั้น การบรรลุความมุ่งหมายจะทำให้รัฐอยู่ในความมั่นคงไม่ถูกรุกราน การทำให้รัฐสงบเรียบร้อยและอยู่ในศีลธรรมอันดีเพื่อทำให้เศรษฐกิจมั่นคงต้องมีมาตรการทางกฎหมาย ซึ่งการใช้กฎหมายจึงเป็นวิธีการหรือมาตรการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ มาตรการสังคมของรัฐ มาตรการทางด้านกฎหมายของรัฐเป็นเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนี้
1.ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินที่เราเรียกว่า “Security” แต่ละคนไม่อยากจะให้คนอื่นมาประทุษร้ายชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของตน ต้องการให้การดำรงชีวิตในสังคมของคนนั้นเป็นไปอย่างปลอดโปร่ง ไม่ต้องเกรงกลัวอันตรายอันเกิดจากการประทุษร้ายด้านต่างๆ โดยมีเงื่อนไข 2 ประการ คือ
1) ความมั่นคงของรัฐ ที่ปราศจากการรุกรานจากต่างชาติ เพราะหากต่างชาติรุกรานคนในรัฐก็ไม่มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต
2)ความสงบเรียบร้อยภายในรัฐ ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีสงคราม ไม่มีการจราจล หากมีอาชญากรรมหรือจราจล คนในรัฐก็ไม่มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตร่างกาย
2.ความต้องการที่จะมีชีวิตที่ดี เรียกว่าความต้องการความผาสุขหรือ เรียกว่า การอยู่ดีกินดี ต้องการมีชีวิตที่ดีได้ในทางกายภาพและจิตใจ ต้องการที่จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีสติปัญญารอบรู้ในเรื่องเกี่ยวกับโลกชีวิตและจักรวาลของมนุษย์ ในเรื่องที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ โดยมีเงื่อนไข 2 ประการ คือ
1) ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
2) ความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม เช่นศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นต้น

2.ภารกิจของรัฐกับการบริการสาธารณะ

รัฐสมัยใหม่มีภารกิจของรัฐกับการบริการสาธารณะ มีเครื่องมือในการดำเนินการให้เป็นไปตามภารกิจของรัฐ ทั้งที่เป็นมาตรการทางสังคมและมาตรการทางกฎหมาย ที่เป็นภารกิจของรัฐเพื่อให้เกิดผลที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนแยกได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ภารกิจขั้นพื้นฐานของรัฐ (Primary Functions of State) ภารกิจเสริมหรือภารกิจอันดับรองของรัฐ (Secondary Functions of State)
2.1 ภารกิจขั้นพื้นฐานของรัฐ (Primary Function of State)
ภารกิจขั้นพื้นฐานของรัฐซึ่งเป็นภารกิจหลักของรัฐกับการบริการสาธารณะ หมายความว่า รัฐทุกรัฐจำเป็นจะต้องทำภารกิจในอันที่ต้องกระจายความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของพลเมืองของประเทศของตน รัฐใดก็ตามที่ไม่ทำภารกิจเช่นนี้มันไม่ใช่รัฐแล้ว รัฐที่จะต้องทำ คือ ปกป้องคุ้มครองชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของพลเมือง การที่ประชาชนยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจรัฐก็เพื่อให้รัฐคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของตนเอง ภารกิจขั้นพื้นฐานของรัฐที่มีความจำเป็นต่อการธำรงรักษารัฐให้คงอยู่มี 5 ลักษณะ คือ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยจากการประทุษร้ายของศรัตรูภายนอกรัฐ (การจัดตั้งกองกำลังทหารหรือฝ่ายกลาโหม) การดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยและรักษาความมั่นคงปลอดภัยภายในรัฐ(การจัดตั้งกองกำลังตำรวจและฝ่ายมหาดไทย เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น) การทูตและการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การอำนวยความยุติธรรม การเก็บภาษีอากรต่างๆเพื่อมาพัฒนาประเทศชาติ
ภารกิจพื้นฐานของรัฐคือการกระทำการต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนรวมของประชาชน นั่นก็คือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของปัจเจกบุคคลที่เป็นราษฎรของรัฐ คือ
2.1.1 การรักษาความสงบเรียบร้อยขึ้นภายในรัฐเอง
การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในรัฐเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในรัฐ เช่น มีการจลาจล มีสงครามกลางเมือง เป็นต้น
1.จลาจล คือ การที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งก่อเหตุวุ่นวายขึ้นมาเพื่อต่อต้านเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น การเผาอาคารสถานที่ราชการ ทุบกระจกของบริษัทห้างร้าน เผารถยนต์ที่จอดอยู่ข้างถนน
2.สงครามกลางเมือง คือ การที่ประชาชนภายในรัฐเดียวกัน 2 กลุ่มจับอาวุธต่อสู้กัน เช่นระหว่างพวกในโรงเรียน พวกนับถือศาสนาอิสลามจับอาวุธขืนต่อสู้กันเกิดเป็นสงคราม
ดังนั้น ไม่ว่าจะมีอาชญากรรมหรือมีสงครามการเมือง หรือการจลาจลก็ตามจะทำให้ชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของปัจเจกบุคคลแต่ละคนตกอยู่ในความล้มเหลว เช่น รถของเราจอดอยู่ดี ๆ ถูกไฟไหม้ก็ได้ ทรัพย์สินของเราถูกประทุษร้าย กระสุนปืนมาจ่อตรงหน้าผากคนที่ไม่ไปร่วมในสงครามการเมืองหรือร่วมในเหตุการณ์จลาจลก็อาจจะถูกประทุษร้ายร่างกายและทรัพย์สินก็ได้ เมื่อใดก็ตามที่เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในบ้านเมืองหรือความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ ทำให้ชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของปัจเจกบุคคลแต่ละบุคคลอาจจะถูกประทุษร้ายได้ รัฐจึงต้องมีมาตรการทางสังคมและมาตรการทางกฎหมายเพื่อทำให้ภารกิจของรัฐบรรลุเป้าหมาย ตอบสนองความต้องการของประชาชน เช่น มีตำรวจรักษาความสงบเรียบร้อยในรัฐ เป็นต้น
ฉะนั้นภารกิจขั้นพื้นฐานเราจะเห็นได้ว่ารัฐจัดทำภารกิจเหล่านี้ด้วยความมุ่งหมายเพียงเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของพลเมืองที่แต่ละคนมีอยู่ไม่ให้ถูกประทุษร้ายจากภายในและภายนอกประเทศ การทำภารกิจขั้นพื้นฐานจึงมิได้เป็นไปเพื่อความมุ่งหมายหรือปรับปรุงสวัสดิภาพของประชาชนให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่เป็นไปด้วยความมุ่งหมายที่จะรักษาสภาพเดิม ที่มีอยู่แล้วไม่ให้ลดน้อยลงไป ซึ่งนักวิชาการเรียกภารกิจทางสังคมขั้นพื้นฐานอันเป็นการรักษาของเดิมที่มีอยู่แล้วไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งบางท่านแปลว่าสิทธิในเชิงลบ บางท่านแปลว่าสิทธิในเชิงบวก คือ สิทธิแต่ละสิทธิเมื่อเราเป็นผู้ทรงสิทธิก็หมายความว่าต้องมีผู้มีหน้าที่เคารพสิทธินั้น กล่าวคือ ถ้ามีสิทธิผู้อื่นก็มีหน้าที่เคารพสิทธินั้นเสมอ
2.1.2 การรักษาป้องกันรัฐ
การรักษาป้องกันรัฐที่เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นภายนอกรัฐ เช่น ประเทศอื่นรุกรานประเทศของเรา การรักษาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของปัจเจกบุคคล ราษฎร หรือพลเมืองของชาติ รัฐจึงกระทำด้วยวิธีการรักษาความสงบเรียบร้อยของรัฐ 2 วิธี ดังนี้
วิธีที่หนึ่ง คือ สร้างแสนยานุภาพทางทหาร ไม่ใช่เอาไว้รุกรานชาติอื่น แต่เอาไว้ขู่ไม่ให้ชาติอื่นยกกำลังมารุกราน สร้างแสนยานุภาพทางทหารคือเป็นสิ่งจำเป็นของรัฐ ผู้เขียนจึงไม่คัดค้านเลยที่จะมีการซื้อเรือดำน้ำหรือว่าซื้อรถถัง ซื้ออาวุธเพราะว่าถึงแม้ประเทศไทยจะไม่ได้ไปรบกับใครก็ตาม เพราะนี่คือวิธีเดียวเท่านั้นที่จะบั่นทอนกำลังใจของต่างชาติ ไม่ให้มารุกราน ไม่ได้มีระเบิดปรมาณูหรือมีรถถัง หรือมีเรือดำน้ำไว้เพื่อการต่อสู้ แต่เอาไว้ป้องกันเพื่อไม่เกิดสงคราม ระเบิดปรมาณูที่ประเทศต่างๆ เขาพัฒนาไม่ตั้งใจว่าจะเอาไปทำลายประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีเอาไว้ขู่แต่เอาไว้บั่นทอนกำลังใจ
วิธีที่สอง คือ การเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ ผูกมิตรกับเขาเพื่อไม่ให้เข้ารุกราน
2.2 ภารกิจเสริมหรือลำดับรอง (Secondary function of State)
ภารกิจลำดับรองกับการบริการสาธารณะ หมายถึง ภารกิจใดๆที่รัฐทำเพื่อส่งเสริมสวัสดิภาพของประชาชน เพื่อกระจายความมั่นคงไปยังราษฎร เพื่อกำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎร และเพื่อส่งเสริมความยุติธรรมทางเศรษฐกิจและทางสังคมแก่ประชาชน ภารกิจเสริมหรือภารกิจลำดับรองนั้น มีความเกี่ยวพันกับภารกิจขั้นพื้นฐานอยู่มาก และในบางกรณีก็ไม่อาจแยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด เช่น การสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น ภารกิจลำดับรองของรัฐในกาบริการสาธารณะอาจแยกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
2.2.1 ภารกิจทางสังคมและวัฒนธรรม
ภารกิจทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ การจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนโดยการตั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย การดูแลรักษาสุขภาพอนามัยของประชาชนทั้งในด้านกายภาพและจิตใจ โดยการตั้งโรงพยาบาล สร้างสนามกีฬา สถานที่พักผ่อนหย่อนใจสาธารณะ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมโดยการสร้างโรงละคร ดนตรี ให้บำเหน็จบำนาญแก่ผู้เกษียณอายุ กำหนดการแรงงานสัมพันธ์ วางแผนพัฒนาชนบทและการวางผังเมือง ฯลฯ เป็นต้น
2.2.2 ภารกิจทางเศรษฐกิจ
ภารกิจทางเศรษฐกิจ แยกเป็นด้านอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ด้านอุตสาหกรรม ได้แก่ การเหมืองแร่ การป่าไม้ การผลิตอาหารสำเร็จรูป การผลิตพลังงาน การสุรา การยาสูบ โรงงานน้ำตาล โรงงานทอผ้า ฯลฯ และส่วนด้านพาณิชยกรรม ได้แก่ การเดินรถไฟ การไปรษณีย์โทรเลข การโทรศัพท์ การบินภายในและระหว่างประเทศ ฯลฯ เป็นต้น
ส่วนวิธีที่รัฐจะเลือกใช้ในการดำเนินบริการสาธารณะดังกล่าว อาจแตกต่างกันไปตามรัฐและตามลัทธิเศรษฐกิจการเมือง กล่าวคืออาจกระทำเพียงแต่การควบคุมกำหนดกฎเกณฑ์และส่งเสริมให้เอกชนเป็นผู้กระทำ หรือรัฐเป็นผู้ลงมือกระทำเองแทนเอกชนหรือแข่งขันกับเอกชนก็ได้


Tags:

About author
not provided
ปัจุบัน พ้นจากการโมฆะบุรุษ รองศาสตราจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์
View all posts